วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2558

SSD (Solid State Drive) และการยืดอายุการใช้งานเบื้องต้น

เกริ่น


   

      หลังจากที่เราได้ SSD คู่ใจเรามาเเล้ว ต้องขอบอกก่อนว่ามันโหลดวินโดวเร็วทะลุนรกมากๆเลย อีกทั้งโปรเเกรมอื่นๆที่เคยเรียกนานๆ ที่ผมใช้อยู่ประจำเช่น Matlab, MS ทุกตัว (ยิ่งตัวใหม่ๆยิ่งเรียกนาน), Photoshop, Light room เป็นต้น นอกจากนี้การเรียกใช้งานระหว่างโปรแกรมก็ไม่มีหน่วง

การเขียน/อ่านข้อมูลก็ทำได้เร็วเช่นกันที่ port SATA v.3 ให้ความเร็วอ่านเขียนกันถึง 550 MB/s , 500 MB/s ตามลำดับ




แต่ก็ใช่ว่ามันจะดีสวยหรูเสมอไป !!!

      ด้วยอายุการใช้งานที่สั้นมากเมื่อเทียบกับ HDD โดยการเขียนข้อมูลของ SSD นั้นเป็นการอัดกระแสไฟเข้าไปยัง NAND Flash ซึ่งก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าเป็น NAND ประเภทไหน ซึ่งมีหลักๆอยู่สามประเภทได้แก่

SLC (Single Level Cell)
MLC (Muti Level Cell)
TLC (Tri Level Cell)

      ซึ่ง SLC นั้นดีที่สุด และ TLC นั้นให้ความทนทานต่ำที่สุด และมีราคาถูกที่สุดเช่นกัน ซึ่งมักจะนำมาใช้กับ SSD ตัวเริ่มต้น แต่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว ซึ่งถ้าหากเรามองเจ้าต้องรองท๊อปของยี่ห้อ Samsung 850 Pro ก็คือ 850 Evo ก็ยังมีการใช้ TLC NAND Flash ในการเก็บข้อมูล
[อ่านเรื่อง NAND Flash เพิ่มเติม]
[การเขียนข้อมูลลง NAND Flash]

      และนอกจากนี้ยังมีเกณฑ์ในการเลือกซื้อ SSD อีกประการนึงคือต้องคำนึงถึงระยะเวลารับประกัน ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับค่า Endurance (ค่าความทนทาน) ซึ่งมักจะระบุใน Data sheet ซึ่งมี DWPD (Full Drive Writes Per Day) สำหรับระยะเวลาเวลาการรับประกันระยะสั้นๆ 3 - 5 ปี เช่น OCZ arc 100 , Sandisk Ultra II ซึ่ง OCZ นั้นได้กล่าวไว้ว่าสามารถเขียนข้อมูลลงไปได้ต่อวันโดยเฉลี่ยที่ 20 GB [อ้างอิงสเปค]


    ในอีกแง่หนึ่ง สมมติว่า SSD ขนาด 100GB ซึ่งรับประกับค่า DWPD = 1 นั้นหมายความว่า สามารถเขียนข้อมูลขนาด 100GB ให้กับ SSD ตลอดระยะเวลาการรับประกัน และถ้าหาก DWPD = 5 ก็หมายถึง SSD นั้นเขียนข้อมูลต่อวันได้ 500 GB ต่อวันตลอดอายุการใช้งานนั้นเอง
ซึ่งถ้าลองมาคำนวนกับเจ้า OCZ arc100 ขนาด 240 GB เมื่อกี้จะได้
DWPD = 20GB / 240 GB  = 0.083 DWPD*
(ตรงนี้ยังไม่เเน่ใจว่าแปลมาถูกหรือไม่สำหรับการนิยามค่า DWPD ตาม datasheet ของ OCZ)

และอีกค่านึงที่กล่าวถึง Endurance ของ SSD คือค่า TBW (Terabytes Written) ซึ่งจะบอกว่า SSD ตัวนั้นสามารถเขียนข้อมูลลงไปได้มากแค่ไหนตลอดอายุการใช้งาน หรืออายุการรับประกัน !!
โดยยกตัวอย่างเช่น Samsung 850 EVO 250 GB มีค่า TBW = 75 [อ้างอิงเสปค] นั้นหมายความว่าตลอดระยะเวลาที่ทาง SS นั้นรับประกัน SSD ตัวนี้สามารถเขียนข้อมูลลงไปได้ 75 TB ด้วยกัน

การแปลง TBW --> DWPD นั้นใช้สมการดังนี้

DWPD = (TBW * 1024)/(DayWarranty*Capacity)

ซึ่งเจ้า SS 850 Evo นั้นมีค่า DWPD ที่ = (75*1024)/(5*365*250) = 0.16 DWPD

ในส่วนของโปรแกรมที่ช่วยมอนิเตอร์การใช้งานดังกล่าวคือ CrystalDiskInfo [ดาวน์โหลด]
ซึ่งจะบอกว่า Host Writes ไปแล้วทั้งสิ้นเท่าไหร่

[อ้างอิงเรื่องค่า Endurance]
[อ้างอิงการแปลงค่า DWPD TBW]



[เครดิตรูปจากOverclockZone]

การปรับแต่งเพื่อยืดอายุการใช้งาน SSD

การเรียงลำดับตามไกด์นี้เป็นการเรียงเเบบไม่มีรูปแบบ เพราะผู้เขียนค่อยๆทำทีละอย่างเมื่อคิดออกหรือว่ารู้สึกว่ากำลังมีการเขียนข้อมูลลงใน ไดร์ฟ C ซึ่งเป็น SSD อยู่



1. เริ่มต้นด้วยการ Disable การเขียน cache file
ลงไปในไดร์ฟ SSD ของเราก่อน ด้วยการ Start > Device Manager
[เครดิต]



1.1. เลือก SSD drive ด้วยการคลิกขวา Properties และไปติ๊กเครื่องหมายออกตามภาพครับ จากนั้นก็ restart

 2. การย้าย Cache file ของ Browser Mozilla Firefox และ Google Chrome ไปยัง HDD
   
       2.1 สำหรับ Mozilla Firefox ทำได้ดังนี้ [เครดิต]
             - เปิด Browser แล้วพิมพ์ about:config จากนั้นตอบตกลงเงื่อนไขความเสี่ยง
             - คลิกขวาตรงไหนก็ได้ และเลือก New > String (ใหม่ > สตริง)
             - ใส่ค่า browser.cache.disk.parent_directory ดังรูป


                  - จากนั้นใส่ที่อยู่ของ Cache ของ Drive ที่เราจะย้ายไป เช่น D:\BrowserCache เป็นต้น
                  - จากนั้นเพิ่ม browser.cache.disk.enable และ value เป็น true (ซึ่งอาจจะมีอยู่เเล้วแต่ค่าเป็น false ให้ทำการเปลี่ยนครับ)


       2.2 สำหรับ Google Chrome ทำได้ดังนี้ กด Start พิมพ์ Google Chrom... โดยมันจะขึ้นเป็นโลโก้ Chrome ซึ่งเป็น Shortcut ของระบบที่สร้างมาให้หลังจากที่ติดตั้งเสร็จเเล้ว ให้ทำการคลิกขวาเลือก
"Open file location" ซึ่งจะเป็นที่อยู่ของ shortcut นั้น จากนั้นคลิกขวาที่ shortcut อีกที เลือก properties 

จากนั้นไปที่ Shortcut tab ตรง Target เพิ่ม 
"C:\Program Files (x86)\Google\Chrome\Application\chrome.exe" --disk-cache dir="D:\AppData\GoogleChromeCache" --disk-cache-size=104857600

โดยที่ตัวเอียงนั้นเป็นข้อความที่มีอยู่เเล้ว ส่วนตัวหนาคือส่วนที่นำไปเพิ่มเติม และตัวที่ขีดเส้นใต้คือ location ที่เราต้องการจะย้าย cache ไปนั่นเอง [เครดิต]


              

 3. ย้าย Desktop Folder ด้วยการเข้าไปที่ C:\user\{ชื่อ User เรา}

คลิกขวาที่ Desktop ไปที่ tab location และเลือก Location ที่เราต้องการจะย้ายครับ ในส่วนนี้ยังสามารถย้าย โฟลเดอร์อื่นๆใน C:\user\{ชื่อ User เรา} ได้ด้วยวิธีการเดียวกันครับ [เครดิต]




4. ปิด Recycle ฺBin เฉพาะไดร์ฟ SSD ครับ ด้วยการคลิกขวาที่ถังขยะ เลือก Properties เเละเลือกปิดเฉพาะไดร์ฟที่เราต้องการ [เครดิต]



5. ปิด function Hibernate และห้ามทำการ Defrag หรือ Optimize Disk เพราะใน HDD จะเป็นการเรียงข้อมูลลงไปใน คลัสเตอร์เพื่อให้ง่ายแก่การอ่านและลดระยะเวลาในการ sweep ของหัวอ่าน HDD ครับ ส่วนของ SSD นั้นไม่จำเป็น

6. เปิดการใช้งาน TRIM [อ่านเพิ่มเติม]

การเปิด TRIM สามารถทำได้โดย Start > Cmd คลิกขวา run as admin
จากนั้นทำการเช็คด้วยคำสั่ง fsutil behavior query disabledeletenotify
ซึ่งจพให้ผลลัพธ์ เเค่ 0 และ 1 โดยหมายความว่า TRIM นั้นถูกเปิด = 0 และ ปิด = 1

โดยเราสามารถเปิดฟังก์ชั่นได้ดังนี้
fsutil behavior set disabledeletenotify 0
และปิด
fsutil behavior set disabledeletenotify 1


เสร็จเรียบร้อยครับ :)



 


วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558

XiaoMi wifi เร้าเตอร์สุดคุ้ม กับการตั้งค่าใช้งานในระดับสามัญชน !!!

Xiaomi wifi mini router basic setup 
(and a little advance !!!)
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Outlines (search by browser and jump!!!)
-แนะนำ
-เตรียมตัว
-Basic Setting
-Advanced setting
-ใช้ Xiaomi Router โหลดบิทให้
-ข้อแตกต่างระหว่างคลื่น 2.4Ghz / 5Ghz


แนะนำ
     เริ่มจาก อุปกรณ์เน็ตเวิร์คในห้องแลป เจ้า Netgear WGR614 ตัวเก๋าเริ่มไม่ไหวเเล้ว จ่ายสัญญาณ Wireless ขาดๆหายๆ จึงเริ่มมองหาอุปกรณ์เน็ตเวิร์คตัวใหม่ที่จะมาแทนที่ โดยมีโจทย์คร่าวๆคือ
สามารถจ่ายสัญญาณทั้ง 2.4 และ 5 Ghz (IEEE 802.11 b g n ac) พร้อมทั้งมี Port USB ด้วย !!!

เริ่มจากการหายี่ห้ออื่นๆนอกจากแบรนด์นี้เสียก่อน
ตัวที่ผมรู้สึกว่าใกล้เคียงที่สุดก็คือ 
1.Asus DSL N12U ที่มาพร้อมกับ 4 ports 1 Wan Port 1 Usb
เเต่ก็ยังด้อยกว่าอยู่ที่สามารถจ่ายสัญญาณได้ตามมาตรฐาน b g n เท่านั้นเอง 
ราคาประมาณ 1,5XX.- ต้นๆเท่านั้นเอง
2. EDIMAX BR6208AC ที่มาพร้อมกับมาตรฐาน ac แต่ไม่มี port usb
[อ่านเพิ่มเติม]

     สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนให้กับความคุ้มราคากับเจ้า Xiaomi Mini router ที่มันตอบโจทย์ทุกอย่าง
ซึ่ง Specification ที่สำคัญๆมีดังนี้เลยครับ
คลื่นสัญญาณ - 2.4Ghz (300Mbps) /5.0Ghz (867/300 Mbps)
มาตรฐาน        - IEEE 802.11a/b/g/n/ac
เสาอากาศ        - 2 x External dual-band omni-directional antennas
ROM                - 16MB SPI Flash memory / 128MB DDR2
การเข้ารหัส     - WPA-PSK/WPA2-PSK encryption
อื่นๆ                  - 2 x Lan / 1 Wan / 1 USB
-------------------------------------------------------------------------------
A.เตรียมความพร้อมกันก่อน

     เข้าไปโหลด Software กันก่อนเลยครับ มีทั้ง Client ใน PC และ SmartPhone ครับผม
[ดาวน์โหลด]
หน้าตาหลังจากการใช้ Google tr. แปลทั้งหน้าเว็บจะได้หน้าตาคล้ายๆแบบนี้นะครับ แนะนำว่าให้โหลดตัว Stable ไว้ก่อนดีกว่าครับ แน่นอนว่าบัคน้อยกว่าอัพเดตไม่บ่อยเท่า dev version ครับ

[ถึงตรงนี้ก็เลือกระบบปฏิบัติการกันตามสะดวกเลย]

A-1.เริ่มด้วย Client ในฝั่ง PC

เห็นเเบบนี้เเล้วด้วย Engineering sense กดปุ่มใหญ่ๆนั้นเเน่นอน ว่าเเล้วก็กดครับ !!!

(อย่าลืมติ้กถูกด้วยนะครับในกรอบสีฟ้าๆ)
ลงเสร็จก็จะมีข้อความขึ้นเเบบนี้ครับ !! (อ่านไม่ออก เดาก่อนครับ)

        พอมาถึงตรงนี้ครับจะให้กรอก User Mi account ครับ ใครมีเเล้วก็กรอกเลย

   หลังจากนั้นมันจะเริ่มเสิชหาเครือข่ายที่เจ้า Mi router เป็นคนปล่อยครับ 

ทีนี้มีสมาชิก miui ได้ทำ Patch มาเป็นภาษาอังกฤษครับ โดยสามารถเข้าไปโหลดได้ที่ 
โดยมีข้อเเม้ว่า ต้องมี Mi Account ก่อนเเล้ว ต้องไป reply ให้กำลังใจกันด้วยนะครับถึงจะสามารถดาวน์โหลดได้

ข้อควรระวัง หลังจาก Patched เจ้าตัวภาษาอังกฤษเเล้วผมไม่สามารถ Sign in เข้าได้ตามปกติ ไม่ทราบว่าเป็นยังไง ทางที่ดีลอง Sign in ดูก่อน ถ้าหาก Sign in ไม่ได้ ให้ UnInstall กลับไปใช้ Chinese GUI เหมือนเดิมครับ !!


 A-2.Client ในฝั่ง SmartPhone


     ให้ลงโปรเเกรม stable_xqapp.apk (สำหรับแอนดรอย)
และจากนั้น ถ้ามือถือเป็น Xiaomi อยู่เเล้ว ก็จะ sign in Mi account ให้อัตโนมัติครับ ถ้าไม่มี วิธีสมัครมีอยู่ในลิ้งข้อ 1. !!!
GUI เป็นภาษาอังกฤษอยู่เเล้ว

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Basic Setting
     การตั้งค่าให้หัวข้อนี้จะเน้น  ทำหน้าที่เป็น Router เอาเน็ตมาเเชร์กับ Device ก่อนครับ 
หลังจากที่ได้ Xiaomi mini router มาแล้วนั้น เริ่มทำการตั้งค่าดังนี้เลยครับ

1. ได้มาเเล้ว เสียบสายเเลนที่มีเน็ต หรือไม่มีก็ได้ เสียบสาย AC รอมันขึ้นเเบบนี้ครับ

เตรียมพร้อมมาเสียอย่างดี สุดท้ายก็ต้องเข้าไปตั้งค่าผ่าน Browser ครับ
A เข้าเว็บอะไรก็ได้มั่วๆครับ เดี๋ยวมันจะโผล่ไปหน้า Setting ของเร้าเตอร์ให้
B หรือไม่ก็เข้าไปที่ IP 192.168.31.1 ครับ

                                     (1)                                     (2)                                   (3)
  



ตั้งค่าตามรูปเลยนะครับ
(1) กดปุ่มสีฟ้าไปเลย
(2) ตั้งชื่อ Wifi / Pass เราครับ
(3) ตั้งรหัส Admin ครับ ในกรณีนี้ผมติ๊กถูก หมายความว่ารหัสเดียวกับ wifi 
      (เดี๋ยวเปลี่ยนภายหลังเพื่อความปลอดภัยครับ)

เมื่อครบสามขั้นตอนเเล้ว router มันจะ restart ตัวเองครับ ให้เราไปต่อ wifi อีกรอบ ตามชื่อที่เราตั้งไว้เลยครับเมื่อต่อเสร็จเเล้ว มันจะโผล่มาหน้านี้อัตโนมัติ



รูปนี้จะบอกสถานะคร่าวๆของเครือข่ายที่เราเพิ่งจะสร้าง ยังไม่ต้องสนใจมันเราต้องเปลี่ยนภาษาเป็น English ให้ได้ก่อน !!! โดยเลือกจากเมนูที่สามที่วงกลมสีขาวไว้ครับ

ไปที่ไอคอนตัว i จากนั้นจะเจอ dropdown ให้เลือกภาษาครับ รอดตายเเล้ว !!!

 

พอจบขั้นตอนตรงนี้แล้ว ลองสังเกตดูที่ URL เรานะครับจะเป็นการเข้าไปตั้งค่าผ่านระบบอินเตอร์เน็ต



แนะนำว่าให้ปิดเเท๊บและเข้าไปตั้งค่าโดยการใช้ local IP แทนครับ เพื่อความสะดวกในภายหน้า เข้าไปที่ IP ที่ตั้งมาให้จากทางโรงงานกันเลยครับ 192.168.31.1



พอมาถึงตรงนี้ก็ให้ใส่ Password ที่เราตั้งค่าไว้ตอนเเรกครับ
พอเข้ามาก็ไม่ต่างจากที่เข้าผ่านอินเตอร์เน็ตใช่ไหมครับ หน้าตาคล้ายๆกัน


สุดท้ายของขั้นตอน Basic Setting คือการเปลี่ยนรหัส Wifi อีกครั้งนึง ตรงนี้ เนื่องจากรหัสที่เราตั้งครั้งเเรกคือรหัส Admin เพื่อเข้าไป Configure router ครับ

ข้อควรระวังเมื่อเปลี่ยนรหัสผ่านเเล้ว ควรจะ forget network ด้วยนะครับไม่งั้นเชื่อมอีกทีจะ error



--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Advanced Setting

ก่อนที่จะทำอะไร Adv แนะนำให้อัพเดตเฟิร์มแวร์ก่อน โดยเข้าไปที่มุมขวาบนเเล้วเลือก System update
ย้ำ เฟิร์มแวร์เวอร์ชั่น 2.4.6 2.4.9 ยังไม่มี GUI เป็นภาษาอังกฤษนะครับ



จากนั้น ไปที่ Setting ลอง fixed IP ให้กับอุปกรณ์ของเรา
เพื่อที่จะใช้ประโยชน์จาก port forwarding ครับ
ที่จะต้องกรอกก็ควรจะมี ชื่อ/IP/Mac Addr ครับ



Port Forwarding

จาก IP ที่เรา Fixed ไปก่อนหน้านี้ จากนั้นไปที่เมนู Advanced โดยเป็นการ remote PC ด้วย port 3389 ครับ

-ข้อควรระวังที่ทำให้ผมเสียเวลามากที่สุดคือเรื่อง Privacy ของเครื่องที่จะเข้าไปรีโมท 

เนื่องจากเสีบสายแลนเข้าไปที่ PC มันจะเป็น Public Network ซึ่งผมตั้งให้ไม่เหมือนกับ Private Network
จึงต้องควรไปดูที่ Firewall อีกครั้งด้วย ถ้าหาก remote desktop ไม่ได้


นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชัน QoS , VPN ด้วย
วิธีการตั้งค่าคล้ายๆกับของยี้ห้ออื่นๆเลย
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ให้  Xiaomi router โหลดบิทให้

เริ่มจากเสียบ External HDD เข้าไปที่เร้าเตอร์โดยตรงทันทีแล้วจะพบว่ามีโฟลเดอร์เพิ่มขึ้นมาหลาย โฟลเดอร์ !!!
เมื่อเช็คดูจากหน้าเว็บเเล้วมันก็จะบอกสถาณะของ HDD เรา ดังนี้


ตรงนี้ยังไม่มีอะไรให้เล่นหน้าเว็บครับ ให้กลับไปที่ PC Client ตามที่ได้เตรียมไว้เมื่อเนิ่นนานมาเเล้ว

เครื่องหมายบวกตรงนี้คือ เพิ่มไฟล์ *.torrent ครับ
มีไฟล์บิทเเล้วก็ลุย !!!!









--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ข้อแตกต่างระหว่างคลื่น 2.4Ghz / 5Ghz

ที่ทราบกันดีว่า ยิ่งเยอะยิ่งแรงกว่า แต่ถ้าหากเรามาพิจารณากันเชิงลึกเเล้ว มีทั้งข้อดีเเละข้อเสียในทั้งสองคลื่นความถี่
1.ในด้านการส่งข้อมูล
เมื่อเราเทียบ 1 ช่วงเวลา คลื่น 5.0Ghz สามารถพาข้อมูลไปได้เกือบสองเท่าของ 2.4Ghz 
อธิบายโดยวิชาฟิสิกส์ ม.ปลาย เรื่องคลื่น

2.จำนวนช่องสัญญาณ
ตามมาตรฐานการส่งข้อมูล 
2.4GHz (IEEE802.11b/g/n) มีทั้งหมด 3 ช่องสัญญาณที่ไม่ซ้อนทับกัน
5.0Ghz (IEEE802.11a/h/j/n/ac)  มีทั้งหมด 23 ช่องสัญญาณที่ไม่ซ้อนทับกัน

3.ระยะทำการ
2.4Ghz ให้ระยะทำการที่ไกลกว่า 5.0Ghz 
เมื่อพิจารณาจากพลังงานที่ใช้ส่งสัญญาณเท่ากัน

4.ความหลากหลายของอุปกรณ์
2.4Ghz > 5.0 Ghz 

"จะทราบได้อย่างไรว่า
อุปกรณ์ที่ท่านใช้อยู่รองรับการทำงานของคลื่น 5Ghz ?"

ใน Windows ให้ลองหารุ่นของ WLan Card ที่ใช้อยู่ก่อนครับ เเล้วไปเสิชหา Specification 









หรือ จากคำสั่งใน cmd >> netsh wlan show driver
โดยเดาจากผลลัพธ์ที่ได้ครับ
ถ้ามี
1.g/n        = 2.4Ghz
2.a/g/ac/n = 2.4Ghz + 5.0Ghz
3.b/g/n      = 2.4Ghz

ในส่วนของ Mobile Phone ไปตามลิ้งของ GSM Arena เลยครับ

วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2558

Latex : lvl Noob เพื่อการเขียนบทความทางวิชาการ !!


ว่ากันด้วย Latex กับการเขียนบทความทางวิชาการ


Latex เป็นโปรแกรม word processor อย่างหนึ่งซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับ word processor ยอดนิยมอย่าง MS word หรือ Libreoffice นั้นคนละเรื่องกันเลยทีเดียว เนื่องจากเจ้า Latex นี้มีความคล้ายคลึงกับการเขียนโปรเเกรมเป็นอย่างมาก เนื่องจากพิมพ์ code เป็นภาษา Latex (ผมขอเรียกแบบนั้นนะครับ) และทำการ compile ผลที่ได้นั้นจะเป็นไฟล์ .pdf ให้ทันที สวยๆเก๋ๆ


ข้อดีของ Latex
1. สวยมากการจัดวางรูปภาพและสมการเป็นไปอย่างอัตโนมัติ
2.เวลา Submit paper ไม่ต้องห่วงเรื่องขอบ ว่าเราจะใส่รูปเกิน margin หรือไม่ ซึ่งตอนที่ผม Submit โดยใช้ Word Template นั้นมีขอบรูปเกินมา ยากแก่การตามแก้ไข และสมการนั้นก็ไม่สวยอีกต่างหาก :3
เมื่อ Generate สมการคร่าวๆ สมการ (B) นั้นได้จากการเขียน Latex ครับ ซึ่งสำหรับผมเเล้วดูสะอาดตา และเป็น font เป็นระเบียบสอดคล้องกับฟอนต์ที่ใช้ในบทความเป็นอย่างยิ่ง

(A)

(B)


หรือว่าจะเป็นในส่วน Algorithm ก็ทำได้สวยงามครับ เรียบร้อยคลีนๆครับ :) ซึ่งถ้าเขียนใน MS Word รับรองได้เลยว่ากด Space bar กันสนุกสนานเเน่ๆเลยครับ

ที่มารูปนะครับ [link]


ข้อเสียของ Latex
ข้อเสียก็มีบ้างครับ
1.สำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานโปรแกรมมิ่งมาก่อนเลยลำบากนิดนึงครับที่จะนึกการทำงานของมัน การประกาศ แบบนี้ ถ้าใครเคยเขียนโปรเเกรมไม่ว่าจะ c++ java ฯลฯ หรืออะไรทำนองนี้จะร้องอ๋อ!! ทันทีครับ

\documentclass[conference]{IEEEtran}
\begin{document}
\usepackage{graphicx}
\usepackage{amsmath}
\usepackage{algorithm}
\usepackage{algorithmic}
.
..
...
....
\end{document}


2.การเรียกใช้ Package ที่งงสลับซับซ้อน อย่างที่เกริ่นไปในข้อเสียข้อที่หนึ่งนะครับ ปัญหาบางอย่างเราก็ไม่รู้หรอกว่าจะเเก้ไขกันตรงนั้นอย่างไร ต้องอาศัยความสามารถในการค้นหาเฉพาะตัวกันไปครับ ถ้าเก่งภาษาอังกฤษ ค้นเดี๋ยวเดียวก็เจอทางแก้แล้ว

3.ไม่สามารถปรับเเต่งได้อย่างอิสระเหมือน MS word Libreoffice ทุกอย่างจะต้องตาม template ที่เราประกาศไว้เท่านั้นครับ

ปล. template ตามลิ้งนี้เลยครับบบ !!!!

แหล่ง Download และข้อควรระวังในการลง
สำหรับตัว compile ใน Windows ครับ เราเรียกว่า Miktex สามารถไปโหลดกันได้ตามลิ้งเลยครับ
http://miktex.org/download
และตัว Editor ที่ชื่อว่า Texmaker ครับ ลิงค์ตามข้างข่างนี้เลย
http://www.xm1math.net/texmaker/download.html

วิธีการลงก็ทั่วไปครับ ข้อควรระวังสำหรับคนที่ไม่อยากเข้าไป Config อะไรมาก ให้โหลด 32 บิททั้งคู่นะครับ เรื่องจากเจ้า Texmaker ไม่มี ตัว 64 บิท เวลา Edit เเล้ว Compile มันจะเรียก Miktex ข้าม Programfiles คนละตัวครับ หรือใคร Adv หน่อยก็เข้าไป Set Path ของเจ้าตัว Miktex ใน Texmaker ได้
เข้าโปรเเกรม Texmaker >> Options >> Configure Texmaker

ซึ่งหน้าตาเจ้า Texmaker คร่าวๆจะมาณนี้ครับ


1. เป็นส่วนที่เอาไว้เขียนโค๊ดครับ 
2.เป็นหัวข้อ ซึ่งถ้าเราใช้คำสั่ง \section{*} มาเเล้วมันก็จะไปโผล่ตรงนั้นครับ ว่ามีหัวข้อ (Section) อะไรบ้าง
3.ตรงซ้ายมือเลือกตัว compiler ครับ จริงๆที่ผมใช้ Xelatex เพราะอะไรผมก็ลืม เเต่จำเอาไว้อย่างนึงว่า ลงมาเเล้วไม่ต้องเเก้ไขตัว Compiler ก็ถึงว่าใช้ได้ครับ เว้นเเต่บางคำสั่งมันจะบังคับให้ใช้เฉพาะ Compiler เป็นตัวๆไป ส่วนด้านขวาเป็นโปรเเกรมที่เราเอาไว้ดูผลลัพธ์ที่เป็น pdf ไฟล์ครับ ซึ่งสามารถเเก้ไขให้เป็นโปรเเกรม pdf viewer ที่เราถนัดก็ได้ครับ ยกตัวอย่างเช่นผมใช้ Foxit
เข้าไปแก้ที่ 
Texmaker >> Options >> Configure Texmaker
ใส่ path ของไฟล์ .exe ไปตามรูปครับ

พอทุกอย่างพร้อมเเล้วก็ลองเข้าไปลุยในหัวข้อถัดไปกันเลยครับผม



ตัวอย่างการเขียน Latex และปัญหาที่พบเจอบ่อยๆ
ตัวอย่างง่ายๆเลยครับ โดนอาจารย์ให้ไปเขียนเปเปอร์ด้วย Latex ส่งในอีกสองสามวัน จะมาให้นั่งอ่านตั้งเเต่การประกาศเอกสาร \document{} อะไรพวกนี้ ไม่ทันกินแน่นอนครับ ทางลัดนั้นก็มี
เราไปโหลด Template Latex มาครับ ยกตัวอย่างเช่นของ IEEE transaction ครับ จะได้ไฟล์มาประมาณนี้ครับ
ไฟล์ .tex คือไฟล์ที่เราจะเข้าไปเเก้ไขด้วยโปรแกรม Texmaker ในส่วนของ IEEEtrans.cls คือ style sheet ครับ หรือเรียกว่า template อะไรประมาณนั้นครับ (ปล่อยมันไว้อย่างนั้นเถอะ)
ลองเข้าไปสำรวจๆไฟล์ .tex กันก่อนครับ

Code คร่าวๆประมาณนี้ครับ

\begin{document}
%
% paper title
% can use linebreaks \\ within to get better formatting as desired
% Do not put math or special symbols in the title.
\title{Bare Demo of IEEEtran.cls for Conferences}


% author names and affiliations
% use a multiple column layout for up to three different
% affiliations
\author{\IEEEauthorblockN{Michael Shell}
        \IEEEauthorblockA{School of Electrical and\\
                          Computer Engineering\\
                          Georgia Institute of Technology\\
                          Atlanta, Georgia 30332--0250\\
                          Email: http://www.michaelshell.org/contact.html}
\and
        \IEEEauthorblockN{Homer Simpson}
        \IEEEauthorblockA{Twentieth Century Fox\\
                          Springfield, USA\\
                          Email: homer@thesimpsons.com}
\and
        \IEEEauthorblockN{James Kirk\\ and Montgomery Scott}
        \IEEEauthorblockA{Starfleet Academy\\
                          San Francisco, California 96678-2391\\
                          Telephone: (800) 555--1212\\
                          Fax: (888) 555--1212}
       }
.
..
...
....

\end{document}

ดูโครงสร้างคร่าวๆเเล้วผมรู้สึกเหมือนเขียนโปรเเกรมภาษา HTML หรือ XML อะไรแบบนั้นเลย
ผลลัพธ์ที่ได้ประมาณนี้ครับ

ดูจาก Code และผลลัพธ์ที่ได้แล้ว ที่นี้ง่ายแล้วครับ เร้าก็เเค่เข้าไปแก้ Text ในส่วนของข้อความที่มันขึ้นในไฟล์ pdf กับ code โดยถ้ามีอยู่ใน code อย่างเดียวให้อนุมานไปก่อนเลยครับว่ามันคือคำสั่ง Latex
ลองเล่นดูเลยละกัน !!!! 
ผมลองเปลี่ยนโค๊ดตามนี้ดูนะครับ

\begin{document}
\title{Bare Demo of IEEEtran.cls for Conferences}
\author{\IEEEauthorblockN{XXXX XXXXXXXX}
                         \IEEEauthorblockA{111111111111 111111\\
                                           2222222 22222222222\\
                                           Email: xxxxx\_1999@hotmail.com}
\and
                          \IEEEauthorblockN{Homer Simpson}
                          \IEEEauthorblockA{Twentieth Century Fox\\
                                            Springfield, USA\\
                                            Email: homer@thesimpsons.com}
\and
                          \IEEEauthorblockN{James Kirk\\ 
                                            and Montgomery Scott}
                          \IEEEauthorblockA{Starfleet Academy\\
                                            San Francisco, California 96678-2391\\
                                            Telephone: (800) 555--1212\\
                                            Fax: (888) 555--1212}
        }
ผลที่ได้ !!!! ง่ายใช่ไหมละครับ
หมายเหตุ \\ คือเว้นบรรทัดนะครับ ส่วน _ ใช้ไม่ได้ใน Latex ใช้ \_ เเทนครับ


ที่นี้ก็ลองเเก้ส่วนอื่นๆโดยสังเกตตามที่กล่าวมาเเล้วก่อนหน้านี้ครับ
พอถึงตอนนี้ก็สามารถ Edit ข้อความตามที่ Template มันให้มาได้ทั้งหมดเเล้วครับ
ในส่วนถัดไปจะเป็นการนำสมการทางคณิตศาสตร์ รูปภาพ ตาราง และอัลกอริธึมครับผม 


ขอบคุณครับ




วันพุธที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

[Reviewed] ริวิว HDD Caddy Tray แปลงจาก DVD มาใส่ HDD - กับความเป็นไปได้ในการนำมาใช้งานจริง

Start up Program เยอะมาก และการเรียกข้อมูลจาก HDD เป็นไปอย่างล่าช้า !!!


นี่คือข้อเสียของคนที่ซื้อ Gaming Gear คนละยี่ห้อนะครับ ถ้าซื้ออันใดอันหนึ่งมันก็คงจะเร็วกว่านี้ขึ้นมาบ้างละ เเถมยังมี Rainmeter ที่ผมแอบ Monitor RAM อีก
ทำให้เวลาเปิดเครื่องมันก็นาน เเล้วเปิดมาเเล้วก็ต้องรอมันหน่วงซักพัก (โดยรวมก็สองนาที) กว่าจะพร้อม


จากนั้นก็เริ่มเสาะหาอุปกรณ์ต่างๆที่จะนำมาใช้ทั้งหมดเพื่อไม่ให้สูญเปล่า

ตัวละครหลักมี 3 ชิ้นดังนี้ครับ

1. HDD Caddy เป็น Tray ที่เปลี่ยนจาก CD/DVD Optical Drive
Noted เวลาไปซื้อก็พยามเรียก Keyword อื่นๆดูบ้างนะครับ เพราะร้านในพันธ์ทิพย์ บางทีเขาก็ไม่ได้รู้จักในชื่อนี้ HDD Tray ฯลฯ


[รูป HDD Caddy]




[เปรียบเทียบขนาด 12.7 ในรูป]



 
[อย่าลืม Option ถ้าหากมีนะครับ ไม่งั้นเจอ Bootloop หรือเสียบกลางคันก็จอฟ้าเลย
สำหรับผม ASUS ใช้ Option = BC = Other นะครับ]

2. SSD (รอเงินหลวงโอนมาให้ครับ 555+)

3. DVD Optical case ซึ่งสามารถเอาตัว DVD Optical จาก NB เรา เอามาทำ External ได้ (ไอเดียเหมือน HDD / HDD Block) ~690 บาท

Noted ผมไม่ซื้อเพราะว่า DVD Drive ผมมัน write failed บ่อย เเถมราคา Box นี้อยู่ที่ ~690 บาท
ซื้อ External ไปเลย ~800-900 เเล้วเเต่จะพิจารณาครับผม :)

[รูปก๊อปมานะครับ]**

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ความตั้งใจของผมจะเอา SSD มาใส่ในช่องเดิมของ NB และส่วน HDD ที่ใช้เก็บข้อมูลนั้นมาใส่ช่อง HDD Caddy นะครับ (เพื่อยังคงความจุ)

ลองเช็ค Hardware ของเครื่องกันก่อนนะครับ


[img HWiNFo w/ DVD Optical drive]

[โปรแกรม Download ได้ที่ HWiNFO]
จากที่สังเกตจะเห็นว่า port SATA ของช่อง HDD หลักมีความเร็วอยู่ที่ 3Gb/s ซึ่งเป็น SATA2
และ Port SATA ของ DVD Optical มีความเร็วอยู่ที่ 1.5 Gb/s ซึ่งเป็น SATA1

จากเว็บ [sandisk] เขาได้บรรยายความแตกต่างระหว่างรุ่น SATA ไว้ดังนี้ครับ

จะเห็นว่าด้วย HW limitation ของผมมีเเค่ SATA2 เพราะฉะนี้ ผมจึงซื้อ SSD กะโหลกกะลาได้เเล้ว ประหยัดไปเพราะยังไงก็ไม่ทีทางเร็วกว่า 300 MB/s แน่ๆ


จากนั้น ผมจะเริ่ม Test ดูว่า ถ้าย้าย HDD ตัวเก๋าของผมไปไว้ช่อง Caddy เเล้วความเร็วจะตกไหม
เทสกันดูครับ HDD ตัวเก๋าของผมเป็น OEM ที่ได้มาพร้อมเครื่อง


[รูป HDD ]

ลองวัดประสิทธิภาพด้วยโปรเเกรม HD Tune


[รูปผลที่ได้]

ผมสมมติฐานว่า ถ้าย้ายไปมันต้องไม่กากไปกว่านี้ :) จากที่เดาไว้ก่อนหน้านี้ว่ามันก็คงราวๆนี้เเหละ เพราะว่า HDD ลูกนี้ไม่เกิน 120 MB/s อยู่เเล้ว (SATA1 มันลิมิตไว้ที่ 150 MB/s)
(ไอ้ช่วงที่มันร่วงๆ ผมก็เปิดไฟล์งานไปด้วยครับ)
สรุปได้ Average ~90.48 Mbps นะครับสำหรับช่องหลัก

ถัดมาลองย้ายไปไว้ช่อง HDD Caddy ครับ


[รูปผลที่ได้]

สรุป

1.Trend คล้ายเดิม ค่าเฉลี่ยลดลงเหลือ 88 Mbps กราฟค่อนข้างส่าย สาเหตุอาจมาจาก ตัว Caddy มันไม่มีประสิทธิภาพดีเท่า PORT ที่มีโดยตรงก็ได้ โดยลอง Boot เเละใช้งานวินโดวที่ HDD อยู่ในช่อง Caddy พบว่าการทำงานยังปกติอยู่

2. ตามความคิดของผม จากการใช้ Windows มา ซักพักหนึ่งพื้นที่ใน Drive ถ้าขยายไปเรื่อยๆ ถ้าจะเลือก SSD ขนาดที่พอดีกับ OS ก็เอา ขนาด 120 GB ไปเลย แต่ถ้าหากจะเผื่อลงเกมส์หรือโปรเเกรมทำงานไว้ละก็ควรเผื่อไว้ซัก 240 GB ไปเลยครับ